มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

บะหมี่สำเร็จรูปไม่ควรเกินวันละ 1 ซอง

แนะกินบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่กินเกินวันละ 1 ซองควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป
              นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ ให้ความเห็นต่อการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่า เคยทำการสำรวจปริมาณโซเดียมหรือเกลือ อันตรายที่ซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า จากการเก็บตัวอย่าง จำนวน 32 ตัวอย่าง ฉบับที่ 68 มาทดสอบโดยสถาบันอาหาร เพื่อหาปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ในเครื่องปรุงรส พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมร้อยละ 50-100 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีบางยี่ห้อที่ทำขนาดใหญ่กว่าปกติที่เรียกว่าบิ๊กแพ็ค พบว่ามีโซเดียมสูงถึงร้อยละ 112 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน

              “การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน โดยใช้เครื่องปรุงทั้งซอง จะทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป เพราะแต่ละวันจะได้รับปริมาณโซเดียมจากเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอส เกลือ สูงอยู่แล้ว ที่ผ่านมา เคยมีการวิจัยถึงปริมาณการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยในปี 2548 พบว่า มีมากถึง 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9,500 ล้านบาท หากจะเทียบกับซองบะหมี่มาตรฐานที่บรรจุซองละ 60 กรัม หมายความว่า คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 2,000 ล้านซองต่อปี โดยปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะสินค้านี้มีหลายรส หลายระดับราคาให้เลือกปรุงได้สะดวกรวดเร็ว”
              ปริมาณโซเดียมที่แนะนำไว้ในบัญชีสารอาหาร ที่ควรบริโภคในแต่ละวันสำหรับคนไทยอยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ขณะนี้การบริโภคเกินกว่ากำหนด และถือเป็นความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เป็นโรคหัวใจ เพราะฉะนั้น จึงมีการทบทวนปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวัน โดยปริมาณใหม่ที่แนะนำให้บริโภคจะอยู่ที่ ผู้ชายควรบริโภค 475- 1,475 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรอยู่ที่ 400-1,200 มิลลิกรัม

พร้อมแนะนำการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่าควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไตและโรคความดันโลหิต


ขอบคุณข้อมูลจาก ฉลาดซื้อ

อาหารอะไร ทำให้ปวดหัว

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

เติมเต็มชีวิต... ในสิ่งที่ขาด

ชีวิตของคนเรา...
บางครั้งก็เต็มจนล้น..มีพร้อมทุกอย่าง...
แต่เราก็ยังพยายามที่เติมเต็มให้กับมันอีก..
ทั้งที่รู้ว่า...
…ถึงจะเติมมันเข้าไปอย่างไร???
…มันก็ไม่สามารถรับได้..
…มีแต่จะล้นออกๆ มา (ไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย)..
…นี้เรียกว่า..เติมเต็มในสิ่งที่เต็ม...(จนล้น)..

แต่ในอีกมุมของชีวิตคนเรา...
…หลายๆ คน..
…พยายามที่จะรอรับการเติมเต็มให้กับชีวิต..
…แต่ก็ไม่สามารถสนองความต้องการของตนเองได้..

…เพราะเรามักทำตนให้เต็ม...
…เติมเต็มไปกับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิต..
…ไม่ว่าจะเติมเต็มสิ่งใดลงไป..
…ก็มักไม่พอเพียงแก่ความต้องการ..(ของความอยาก)..
…ที่อยากเกินพอดี..ไม่มีประมาณ..


ส่วนมุมมองของชีวิตของเรา..
หรือของใครหลายๆ คน..
ที่เกิดมา..ทำตัวให้ว่างเปล่า..
พร้อมที่จะรอการเติมเต็ม..แบ่งปัน..จากผู้อื่น..

แต่คนเราไม่รู้วิธี..
ที่จะทำตัวเองให้ว่างเปล่า..
และพร้อมที่จะเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต...


ลองสังเกตดูว่า...
สิ่งใดที่เต็มอยู่แล้ว...
…ถ้าใส่อะไรลงไป..มันก็จะล้นออกมาทันที..
…มันจะไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ เลยแม้แต่นิดเดียว...
…แถมยังทำตัวเองให้ไร้ค่า..ไร้ประโยชน์...เสียอีก...

แต่ในชีวิตจริงของคนเรา..
เรามักจะรอการเติมเต็มจากผู้อื่น..
ทั้งๆ ที่ตนก็ยังเต็มอยู่...


ดังนั้น...
หากเราต้องการที่จะเติมเต็ม...
สิ่งที่ดี..มีคุณค่า..เป็นความงดงามทางจิตใจ..
…เราต้องหมั่นตรวจสอบจิตใจของเรา...
…หมั่นรักษาจิตใจของเรา..

…และพร้อมที่จะแบ่งปันความสุข..ให้กับผู้อื่นเสมอ..
…แม้จะเล็กน้อยก็ตาม..
…ถือได้ว่า...เรากำลังทำตัวเองให้ว่างเปล่า..
…เพื่อที่จะได้เติมเต็ม...สิ่งที่มีคุณค่า..ดีงาม..
…ให้กับชีวิตต่อไป...


ขอบคุณที่มา  ::  ป้าแก้ว

ของเล่นปะทะของจริง



วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ความผิดซ้ำซ้อน

นายฉลาดรับเงินเดือนจากบริษัท ขาดไป 100 บาท????
 จึงรีบกลับไปแจ้งสมุห์บัญชี

สมุห์บัญชีชี้แจงเชิงต่อว่า ว่า
“เมื่อเดือนที่แล้ว ผมจ่ายเงินเดือนผิด
 ให้คุณเกินไป 100 บาท ทำไมคุณถึงเฉย ไม่ทักท้วง”
นายฉลาดก็นึกขึ้นได้ว่า เป็นอย่างที่สมุห์บัญว่าจริงๆ?

แต่ด้วยไหวพริบ ก็สำทับไปว่า

“ผมก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ใครทำผิดครั้งหนึ่ง
ผมพออภัยให้ได้ แต่ถ้ายังผิดซ้ำสองอีก
ผมให้อภัยไม่ได้เป็นอันขาด

โดย :จิ้มจุ่ม ( สมาชิกไอดีที่ 124883) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 16:22 น.] 

อย่าลังเลใจ... ที่จะยิ้ม ^_^

รอยยิ้ม
ต้องมาจากผู้ที่มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขเท่านั้นหรือ
มิใช่เลย...แม้ผู้ที่มีชีวิตแสนเศร้าก็สามารถเป็นเจ้าของรอยยิ้มอันสดชื่นได้
ยิ่งปรารถนาความสุขมากเท่าใด
อย่าลังเลใจ... ที่จะยิ้ม
หญิงผู้หนึ่ง สามีของนางเป็นทหารและตายในสนามรบ ทำให้นางต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกน้อยถึงสามคน นางจึงต้องออกไปหางานทำ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว

วันหนึ่งนางได้เข้าไปในร้านถ่ายรูปเพราะต้องใช้รูปถ่ายติดใบสมัครงาน ขณะเริ่มจะถ่ายภาพ ช่างภาพได้ขอร้องให้นางยิ้ม นางจึงกล่าวกับเขาว่า

"ถ้าท่านทราบเรื่องราวและความเป็นมาของฉันดีแล้ว ท่านคงจะไม่ขอร้องให้ฉันยิ้มเป็นแน่"

ช่างภาพตอบทันทีว่า "ผมทราบเรื่องราวของคุณนายดีครับ"
"ถ้าเช่นนั้นที่จะขอร้องให้ฉันยิ้มทำไมภายในจิตใจของฉันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกฉันไม่มีแก่ใจที่จะยิ้ม และยิ้มไม่ออกหรอก"
ช่างภาพจึงกล่าวกับนางว่า "ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่เราจะมัวแต่เศร้าโศกเสียใจไม่มีห้างร้านหรือองค์กรใด ๆ ต้องการรับคนที่มีความเศร้าโศกเคราะห์ร้ายไว้ทำงาน เพราะจะพาให้เขาเคราะห์ร้ายไปด้วย ทุกคนต้องการคบแต่คนดีมีกำลังใจ หรือมีนิสัยสดชื่น กรุณาฝืนยิ้มสักหน่อยเถอะครับเพื่อประโยชน์ของคุณนายเอง"

นางตกลงปฏิบัติตามคำของช่างภาพในขณะที่นางฝืนยิ้มนั้นเอง นางก็รู้สึกถึงความสดชื่นที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ รอยยิ้มของนางได้ทำให้ช่างภาพถึงกับกล่าวชมว่า
"คุณนายยิ้มสวยจังเลยครับ"
เมื่อนางถ่ายภาพเสร็จ และกลับมาถึงบ้าน คำชมของช่างภาพยังคงก้องอยู่ในใจของนาง ทำให้นางต้องเดินไปที่กระจกเงา แล้วยิ้มอีกครั้ง ภาพที่นางได้เห็น คือ ภาพที่สวยงามด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ นั้นมานางก็พยายามยิ้มอยู่เสมอจนกลายเป็นผู้มีความสดชื่นแจ่มใส นางได้งานทำและมีความสุขสบายใจ ทุกข์โศกที่เคยมีก็อันตรธานไปอย่างสิ้นเชิง
ชีวิตแม้จะแสนเศร้า แต่เราก็เปลี่ยนมันได้ดัวยรอยยิ้ม ซึ้งเปรียบดังน้ำใส ละลายความทุกข์โศกให้จางหายไปได้ เพราะโลกนี้มีทั้งความสุขและความเศร้าคละเคล้ากันไป ของเพียงเรายิ้มเข้าไว้ ความสุขใจก็เพิ่มขึ้นแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อเมื่อเรายิ้ม...

เพราะรอยยิ้มไม่เพียงแต่นำความสุขสดชื่น มาสู่ดวงใจของผู้ให้ และผู้รับเท่านั้นแม้โลกทั้งโลก ก็ยังพลอยสดใส เพียงแค่ใครสักคนหนึ่ง...ยิ้ม

การยิ้มแย้มแจ่มใส จึงเป็นลักษณะของผู้ที่เจริญด้วยธรรมะ ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์ทรงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเบิกบานอยู่เป็นนิจ จนเป็นที่รู้กันว่า ใครก็ตามหากได้พบเห็นพระพุทธองค์ เขาย่อมจะรู้สึกชื่นใจ และ เป็นสุขใจอย่างยิ่ง
เราทุกคน ก็สามารถนอมความสุขอันน่าชื่นใจ ให้กับตนเอง
และคนรอบข้างได้
หากว่าเรา...รักที่จะยิ้ม


ขอบคุณที่มา  ::  จั่นเจา

คำบวกคำลบ

นักเขียนสุนทรพจน์พิถีพิถันกับการเลือกใช้คำเช่นเดียวกับจิตรกรเลือกใช้สี และขนาดพู่กัน เพราะหากเลือกคำไม่เหมาะสมเพียงคำเดียว ความหมายก็อาจผิดไปเลย หรือเป็นแง่ลบได้โดยไม่ตั้งใจ

ยกตัวอย่างเช่น ยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งใช้สโลแกนโฆษณาว่า "เค็ม... แต่ดี" แม้ว่าความหมายจะชัดเจนว่าความเค็มช่วยรักษาเหงือกและฟันให้แข็งแรง คำว่า 'แต่' มีนัยของด้านลบอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ชอบยาสีฟันรสเค็ม

หากจะพูดแบบด้านบวกก็คือ "เค็ม... จึงดี" จะสวยงามกว่า นั่นคือก็เพราะมันเค็ม มันจึงดี

โฆษณาบ้านจัดสรรหลายแห่งใช้คำว่า "ราคาเพียง 35 ล้าน" หรือ "แค่ 35 ล้านบาท"
35 ล้านบาทย่อมไม่ใช่เงินเล็กน้อย การใช้คำว่า 'เพียง' หรือ 'แค่' จึงเหมือนกับคนพูดอยู่ในอีกจักรวาลหนึ่ง

'ราคาเพียงหนึ่งพันบาท' กับ 'ราคาถึงหนึ่งพันบาท' อาจให้ความหมายต่างกัน ขึ้นกับลักษณะการใช้ เช่น เมื่อได้รับส่วนลดในการซื้อรถยนต์คันหนึ่งเป็นเงินหนึ่งพันบาท ถ้าคนขายใช้คำว่า "ลดให้ถึงหนึ่งพันบาท" คนซื้ออาจรู้สึกว่าลดไม่มาก แต่หากเป็นการซื้อรองเท้าหรือเสื้อผ้า "ลดให้ถึงหนึ่งพันบาท" อาจจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามาก

การใช้คำเล็กๆ น้อยๆ จึงมีความสำคัญ
ในชีวิตจริงของคนเรา ต้องเจอะหน้าเจอตาผู้คนมากมาย เราไม่อาจเลี่ยงการพูดจากับคนอื่น มันจะเป็นเครื่องมือหรืออาวุธก็แล้วแต่การใช้ การใช้คำพูดที่เหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็น เช่นเจ้านายสั่งงานลูกน้องว่า "ทำให้เสร็จภายในห้าโมงเย็น" อาจให้ความรู้สึกต่างกับ "ขอโทษด้วยที่เร่งคุณ แต่ช่วยทำให้เสร็จภายในห้าโมงเย็นนะครับ"

ในหลายกรณี คนที่ใกล้ชิดกันมักจะลืมไปว่า คำพูดอ่อนโยนยังเป็นสิ่งจำเป็น เช่นสามีพูดกับภรรยาว่า "เอาน้ำมาแก้วนึง" ย่อมให้ความรู้สึกต่างจาก "ช่วยรินน้ำมาแก้วนึงได้มั้ยจ๊ะ" แค่เติม 'จ๊ะจ๋า' ในประโยค ความรู้สึกก็ต่างกันใหญ่หลวง
ภรรยาบางท่านนิยมใช้คำว่า "นี่คุณ" นำหน้าประโยค คำนี้มีนัยของแง่ลบอยู่บ้าง เพราะ "นี่คุณ" มีความหมายในเชิงว่า ประโยคที่ตามคำนี้จะเป็นประโยคคำสั่ง แค่เปลี่ยนคำนี้เป็น "คุณคะ" หรือ "คุณขา" ก็ดีกว่าเดิมหลายเท่า

จริงไหมจ๊ะ?


ขอบคุณที่มา  ::  บทความโดย...วินทร์ เลียววาริณ