มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

บะหมี่สำเร็จรูปไม่ควรเกินวันละ 1 ซอง

แนะกินบะหมี่อย่างปลอดภัย ไม่กินเกินวันละ 1 ซองควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป
              นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ ให้ความเห็นต่อการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่า เคยทำการสำรวจปริมาณโซเดียมหรือเกลือ อันตรายที่ซ่อนในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า จากการเก็บตัวอย่าง จำนวน 32 ตัวอย่าง ฉบับที่ 68 มาทดสอบโดยสถาบันอาหาร เพื่อหาปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ในเครื่องปรุงรส พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีปริมาณโซเดียมร้อยละ 50-100 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน และมีบางยี่ห้อที่ทำขนาดใหญ่กว่าปกติที่เรียกว่าบิ๊กแพ็ค พบว่ามีโซเดียมสูงถึงร้อยละ 112 ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคแต่ละวัน

              “การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน โดยใช้เครื่องปรุงทั้งซอง จะทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป เพราะแต่ละวันจะได้รับปริมาณโซเดียมจากเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซีอิ๊ว น้ำปลา ซอส เกลือ สูงอยู่แล้ว ที่ผ่านมา เคยมีการวิจัยถึงปริมาณการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนไทยในปี 2548 พบว่า มีมากถึง 120,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 9,500 ล้านบาท หากจะเทียบกับซองบะหมี่มาตรฐานที่บรรจุซองละ 60 กรัม หมายความว่า คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึง 2,000 ล้านซองต่อปี โดยปัจจัยสนับสนุนให้คนไทยบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปจำนวนมาก น่าจะเป็นเพราะสินค้านี้มีหลายรส หลายระดับราคาให้เลือกปรุงได้สะดวกรวดเร็ว”
              ปริมาณโซเดียมที่แนะนำไว้ในบัญชีสารอาหาร ที่ควรบริโภคในแต่ละวันสำหรับคนไทยอยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ขณะนี้การบริโภคเกินกว่ากำหนด และถือเป็นความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เป็นโรคหัวใจ เพราะฉะนั้น จึงมีการทบทวนปริมาณโซเดียมที่ควรบริโภคต่อวัน โดยปริมาณใหม่ที่แนะนำให้บริโภคจะอยู่ที่ ผู้ชายควรบริโภค 475- 1,475 มิลลิกรัม ผู้หญิงควรอยู่ที่ 400-1,200 มิลลิกรัม

พร้อมแนะนำการบริโภคบะหมี่สำเร็จรูปว่าควรจะใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้ และไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไตและโรคความดันโลหิต


ขอบคุณข้อมูลจาก ฉลาดซื้อ

อาหารอะไร ทำให้ปวดหัว

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

เติมเต็มชีวิต... ในสิ่งที่ขาด

ชีวิตของคนเรา...
บางครั้งก็เต็มจนล้น..มีพร้อมทุกอย่าง...
แต่เราก็ยังพยายามที่เติมเต็มให้กับมันอีก..
ทั้งที่รู้ว่า...
…ถึงจะเติมมันเข้าไปอย่างไร???
…มันก็ไม่สามารถรับได้..
…มีแต่จะล้นออกๆ มา (ไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย)..
…นี้เรียกว่า..เติมเต็มในสิ่งที่เต็ม...(จนล้น)..

แต่ในอีกมุมของชีวิตคนเรา...
…หลายๆ คน..
…พยายามที่จะรอรับการเติมเต็มให้กับชีวิต..
…แต่ก็ไม่สามารถสนองความต้องการของตนเองได้..

…เพราะเรามักทำตนให้เต็ม...
…เติมเต็มไปกับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิต..
…ไม่ว่าจะเติมเต็มสิ่งใดลงไป..
…ก็มักไม่พอเพียงแก่ความต้องการ..(ของความอยาก)..
…ที่อยากเกินพอดี..ไม่มีประมาณ..


ส่วนมุมมองของชีวิตของเรา..
หรือของใครหลายๆ คน..
ที่เกิดมา..ทำตัวให้ว่างเปล่า..
พร้อมที่จะรอการเติมเต็ม..แบ่งปัน..จากผู้อื่น..

แต่คนเราไม่รู้วิธี..
ที่จะทำตัวเองให้ว่างเปล่า..
และพร้อมที่จะเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต...


ลองสังเกตดูว่า...
สิ่งใดที่เต็มอยู่แล้ว...
…ถ้าใส่อะไรลงไป..มันก็จะล้นออกมาทันที..
…มันจะไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ เลยแม้แต่นิดเดียว...
…แถมยังทำตัวเองให้ไร้ค่า..ไร้ประโยชน์...เสียอีก...

แต่ในชีวิตจริงของคนเรา..
เรามักจะรอการเติมเต็มจากผู้อื่น..
ทั้งๆ ที่ตนก็ยังเต็มอยู่...


ดังนั้น...
หากเราต้องการที่จะเติมเต็ม...
สิ่งที่ดี..มีคุณค่า..เป็นความงดงามทางจิตใจ..
…เราต้องหมั่นตรวจสอบจิตใจของเรา...
…หมั่นรักษาจิตใจของเรา..

…และพร้อมที่จะแบ่งปันความสุข..ให้กับผู้อื่นเสมอ..
…แม้จะเล็กน้อยก็ตาม..
…ถือได้ว่า...เรากำลังทำตัวเองให้ว่างเปล่า..
…เพื่อที่จะได้เติมเต็ม...สิ่งที่มีคุณค่า..ดีงาม..
…ให้กับชีวิตต่อไป...


ขอบคุณที่มา  ::  ป้าแก้ว

ของเล่นปะทะของจริง



วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ความผิดซ้ำซ้อน

นายฉลาดรับเงินเดือนจากบริษัท ขาดไป 100 บาท????
 จึงรีบกลับไปแจ้งสมุห์บัญชี

สมุห์บัญชีชี้แจงเชิงต่อว่า ว่า
“เมื่อเดือนที่แล้ว ผมจ่ายเงินเดือนผิด
 ให้คุณเกินไป 100 บาท ทำไมคุณถึงเฉย ไม่ทักท้วง”
นายฉลาดก็นึกขึ้นได้ว่า เป็นอย่างที่สมุห์บัญว่าจริงๆ?

แต่ด้วยไหวพริบ ก็สำทับไปว่า

“ผมก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ใครทำผิดครั้งหนึ่ง
ผมพออภัยให้ได้ แต่ถ้ายังผิดซ้ำสองอีก
ผมให้อภัยไม่ได้เป็นอันขาด

โดย :จิ้มจุ่ม ( สมาชิกไอดีที่ 124883) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 16:22 น.] 

อย่าลังเลใจ... ที่จะยิ้ม ^_^

รอยยิ้ม
ต้องมาจากผู้ที่มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุขเท่านั้นหรือ
มิใช่เลย...แม้ผู้ที่มีชีวิตแสนเศร้าก็สามารถเป็นเจ้าของรอยยิ้มอันสดชื่นได้
ยิ่งปรารถนาความสุขมากเท่าใด
อย่าลังเลใจ... ที่จะยิ้ม
หญิงผู้หนึ่ง สามีของนางเป็นทหารและตายในสนามรบ ทำให้นางต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกน้อยถึงสามคน นางจึงต้องออกไปหางานทำ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว

วันหนึ่งนางได้เข้าไปในร้านถ่ายรูปเพราะต้องใช้รูปถ่ายติดใบสมัครงาน ขณะเริ่มจะถ่ายภาพ ช่างภาพได้ขอร้องให้นางยิ้ม นางจึงกล่าวกับเขาว่า

"ถ้าท่านทราบเรื่องราวและความเป็นมาของฉันดีแล้ว ท่านคงจะไม่ขอร้องให้ฉันยิ้มเป็นแน่"

ช่างภาพตอบทันทีว่า "ผมทราบเรื่องราวของคุณนายดีครับ"
"ถ้าเช่นนั้นที่จะขอร้องให้ฉันยิ้มทำไมภายในจิตใจของฉันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกฉันไม่มีแก่ใจที่จะยิ้ม และยิ้มไม่ออกหรอก"
ช่างภาพจึงกล่าวกับนางว่า "ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่เราจะมัวแต่เศร้าโศกเสียใจไม่มีห้างร้านหรือองค์กรใด ๆ ต้องการรับคนที่มีความเศร้าโศกเคราะห์ร้ายไว้ทำงาน เพราะจะพาให้เขาเคราะห์ร้ายไปด้วย ทุกคนต้องการคบแต่คนดีมีกำลังใจ หรือมีนิสัยสดชื่น กรุณาฝืนยิ้มสักหน่อยเถอะครับเพื่อประโยชน์ของคุณนายเอง"

นางตกลงปฏิบัติตามคำของช่างภาพในขณะที่นางฝืนยิ้มนั้นเอง นางก็รู้สึกถึงความสดชื่นที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ รอยยิ้มของนางได้ทำให้ช่างภาพถึงกับกล่าวชมว่า
"คุณนายยิ้มสวยจังเลยครับ"
เมื่อนางถ่ายภาพเสร็จ และกลับมาถึงบ้าน คำชมของช่างภาพยังคงก้องอยู่ในใจของนาง ทำให้นางต้องเดินไปที่กระจกเงา แล้วยิ้มอีกครั้ง ภาพที่นางได้เห็น คือ ภาพที่สวยงามด้วยรอยยิ้ม

ตั้งแต่ นั้นมานางก็พยายามยิ้มอยู่เสมอจนกลายเป็นผู้มีความสดชื่นแจ่มใส นางได้งานทำและมีความสุขสบายใจ ทุกข์โศกที่เคยมีก็อันตรธานไปอย่างสิ้นเชิง
ชีวิตแม้จะแสนเศร้า แต่เราก็เปลี่ยนมันได้ดัวยรอยยิ้ม ซึ้งเปรียบดังน้ำใส ละลายความทุกข์โศกให้จางหายไปได้ เพราะโลกนี้มีทั้งความสุขและความเศร้าคละเคล้ากันไป ของเพียงเรายิ้มเข้าไว้ ความสุขใจก็เพิ่มขึ้นแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อเมื่อเรายิ้ม...

เพราะรอยยิ้มไม่เพียงแต่นำความสุขสดชื่น มาสู่ดวงใจของผู้ให้ และผู้รับเท่านั้นแม้โลกทั้งโลก ก็ยังพลอยสดใส เพียงแค่ใครสักคนหนึ่ง...ยิ้ม

การยิ้มแย้มแจ่มใส จึงเป็นลักษณะของผู้ที่เจริญด้วยธรรมะ ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์ทรงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเบิกบานอยู่เป็นนิจ จนเป็นที่รู้กันว่า ใครก็ตามหากได้พบเห็นพระพุทธองค์ เขาย่อมจะรู้สึกชื่นใจ และ เป็นสุขใจอย่างยิ่ง
เราทุกคน ก็สามารถนอมความสุขอันน่าชื่นใจ ให้กับตนเอง
และคนรอบข้างได้
หากว่าเรา...รักที่จะยิ้ม


ขอบคุณที่มา  ::  จั่นเจา

คำบวกคำลบ

นักเขียนสุนทรพจน์พิถีพิถันกับการเลือกใช้คำเช่นเดียวกับจิตรกรเลือกใช้สี และขนาดพู่กัน เพราะหากเลือกคำไม่เหมาะสมเพียงคำเดียว ความหมายก็อาจผิดไปเลย หรือเป็นแง่ลบได้โดยไม่ตั้งใจ

ยกตัวอย่างเช่น ยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งใช้สโลแกนโฆษณาว่า "เค็ม... แต่ดี" แม้ว่าความหมายจะชัดเจนว่าความเค็มช่วยรักษาเหงือกและฟันให้แข็งแรง คำว่า 'แต่' มีนัยของด้านลบอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ชอบยาสีฟันรสเค็ม

หากจะพูดแบบด้านบวกก็คือ "เค็ม... จึงดี" จะสวยงามกว่า นั่นคือก็เพราะมันเค็ม มันจึงดี

โฆษณาบ้านจัดสรรหลายแห่งใช้คำว่า "ราคาเพียง 35 ล้าน" หรือ "แค่ 35 ล้านบาท"
35 ล้านบาทย่อมไม่ใช่เงินเล็กน้อย การใช้คำว่า 'เพียง' หรือ 'แค่' จึงเหมือนกับคนพูดอยู่ในอีกจักรวาลหนึ่ง

'ราคาเพียงหนึ่งพันบาท' กับ 'ราคาถึงหนึ่งพันบาท' อาจให้ความหมายต่างกัน ขึ้นกับลักษณะการใช้ เช่น เมื่อได้รับส่วนลดในการซื้อรถยนต์คันหนึ่งเป็นเงินหนึ่งพันบาท ถ้าคนขายใช้คำว่า "ลดให้ถึงหนึ่งพันบาท" คนซื้ออาจรู้สึกว่าลดไม่มาก แต่หากเป็นการซื้อรองเท้าหรือเสื้อผ้า "ลดให้ถึงหนึ่งพันบาท" อาจจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามาก

การใช้คำเล็กๆ น้อยๆ จึงมีความสำคัญ
ในชีวิตจริงของคนเรา ต้องเจอะหน้าเจอตาผู้คนมากมาย เราไม่อาจเลี่ยงการพูดจากับคนอื่น มันจะเป็นเครื่องมือหรืออาวุธก็แล้วแต่การใช้ การใช้คำพูดที่เหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็น เช่นเจ้านายสั่งงานลูกน้องว่า "ทำให้เสร็จภายในห้าโมงเย็น" อาจให้ความรู้สึกต่างกับ "ขอโทษด้วยที่เร่งคุณ แต่ช่วยทำให้เสร็จภายในห้าโมงเย็นนะครับ"

ในหลายกรณี คนที่ใกล้ชิดกันมักจะลืมไปว่า คำพูดอ่อนโยนยังเป็นสิ่งจำเป็น เช่นสามีพูดกับภรรยาว่า "เอาน้ำมาแก้วนึง" ย่อมให้ความรู้สึกต่างจาก "ช่วยรินน้ำมาแก้วนึงได้มั้ยจ๊ะ" แค่เติม 'จ๊ะจ๋า' ในประโยค ความรู้สึกก็ต่างกันใหญ่หลวง
ภรรยาบางท่านนิยมใช้คำว่า "นี่คุณ" นำหน้าประโยค คำนี้มีนัยของแง่ลบอยู่บ้าง เพราะ "นี่คุณ" มีความหมายในเชิงว่า ประโยคที่ตามคำนี้จะเป็นประโยคคำสั่ง แค่เปลี่ยนคำนี้เป็น "คุณคะ" หรือ "คุณขา" ก็ดีกว่าเดิมหลายเท่า

จริงไหมจ๊ะ?


ขอบคุณที่มา  ::  บทความโดย...วินทร์ เลียววาริณ

คำว่า”พร้อม”ในการแต่งงานของผู้หญิง

 จากเรื่อง ”ผู้หญิงตัดสินใจแต่งงานจากอะไร”  คราวนี้มาถึงคำว่าพร้อมสำหรับการแต่งงานในมุมมองของคุณผู้หญิงกันดีกว่า หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะแต่งงานกับ ผู้ชายคนหนึ่งแล้ว แต่ในความเป็นจริงยังมีเรื่องของความพร้อมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องของความพร้อมก็เป็นอีกเรื่องที่จะต้องพิจารณาดูในความเป็นจริง เพราะต่อให้คุณรักกันมากแค่ไหนแต่ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะแต่งล่ะ มันมีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผล ปัจจัยที่ว่าก็มีตั้งแต่เรื่องของอายุ, ฐานะการเงินส่วนตัว ตำแหน่งหน้าที่การงาน เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองที่ต่างกันสำหรับคำว่าพร้อม เรามาดูความคิดเห็นที่ผมไปสำรวจมา ตามนี้เลยครับ

มุมมองผู้หญิง

   - ถ้าอายุมากขึ้นข้อแม้ต่างๆก็จะลดลง แค่ขอให้เป็นคนที่ใช่
แล้วดูแลกันได้ ฐานะช่วยกันสร้างก็ไม่มีปัญหา

   - ถ้ายังเป็นหนุ่มสาวก็จะมองที่ฐานะและความมั่นคง ต่างคนต่างพร้อมและผู้หญิงต้องรู้สึกว่าผู้ชายมั่นคงเพราะหมายถึงคนที่เราจะ อยู่ด้วยทั้งชีวิต อย่างน้อยต่างคนต้องต่างดูแล   ตัวเองได้ (ประมาณว่าไม่ต้องมาดูแลฉัน เอาตัวให้รอดก่อนก็พอ)

   - ถ้าคิดจะมีลูก ต้องมีเงินระดับหนึ่ง และมีความพร้อมด้านอื่นที่เพิ่มมากขึ้น

   - บางคนไม่คิดเรื่องแต่งงาน
แต่ถ้าจะต้องแต่งก็เพื่อประโยชน์ของลูก แค่มีความพร้อมในระดับนึงแล้วค่อยไปช่วยกันสร้างได้ แต่แต่งไปต้องไม่ลำบาก
   - ความพร้อมด้านความรู้สึก ต้องรู้สึกว่าใช่สำหรับตัวเรา บวกกับปัจจัยรอบตัวที่มีผล ดูว่าผู้ชายมีความเป็นผู้นำมากพอที่จะดูแลเราได้ไหม

คราวนี้เรามาลองดูผลสำรวจ ผู้หญิงอายุ 25-40 ปี เงินเดือน 10,000 บาทขึ้นไป จำนวน 1000 คน ผลสำรวจเป็นดังนี้ครับ



อายุที่สมควรในการมีครอบครัว                      ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจแต่งงาน
26-30 ปี 63%                                          ความพร้อมทางสถานะทางสังคม เช่นตำแหน่งหน้าที่ 28%
31-35 ปี 31%                                          ความพร้อมด้านการเงิน 25%
22-25 ปี 5%                                            ความพร้อมด้านครอบครัวของแต่ละฝ่าย 23%
36-40 ปี 1%                                            ความพร้อมทางด้านอารมณ์ ความรักถึงขีดสุด 18%
                                                             ความกดดันต่างๆเช่น ครอบครัว คนรอบข้าง สังคม 4%

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

เกาะสมุย สวรรค์กลางอ่าวไทย

เกาะสมุย สวรรค์กลางอ่าวไทย (คู่หูเดินทาง)

          อากาศร้อน ๆ อย่างนี้จะไปเที่ยวหลบร้อนที่ไหนกันดีเอ่ย? "ทะเล" คงเป็นคำตอบสำหรับหลาย ๆ คนที่อยากจะไปพักผ่อนหลบร้อนกัน เราเลยขอพาคุณไปเที่ยวทะเลที่ฮอตและฮิตที่สุดของทั้งชาวไทยและชาว ต่างชาติที่ "เกาะสมุย" สวรรค์กลางอ่าวไทย

          เกาะสมุย เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทยห่างจากสุราษฎร์ธานีไปทางทิศตะวันออก 84 กิโลเมตร พื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่ราบรอบล้อมไปด้วยภูเขา ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงคลื่นลมสงบจึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด

เกาะสมุย เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็ต่างขนานนามให้เกาะสมุยว่าเป็น "สวรรค์กลางอ่าวไทย" เนื่องจากเกาะสมุยมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น สวยงาม มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม อาทิเช่น น้ำทะเลใสบริสุทธิ์ หาดทรายขาวทอดขนานไปกับทิวต้นมะพร้าวริมชายหาด และนอกจากธรรมชาติชายทะเลแล้ว ยังมีน้ำตกที่มีน้ำใสเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของชาวท้องถิ่น เช่น วัดสำเร็จ วัดละไม วัดพระใหญ่ เจดีย์แหลมสอ ฯลฯ

          ในท้องทะเลรอบเกาะสมุยยังมีแนวปะการังอยู่ทั่วไป มีแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่มีชื่อเสียงของ หมู่เกาะสมุย ไม่เพียงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเท่านั้น เกาะสมุย ยังพร้อมไปด้วยโรงแรม ที่พัก รีสอร์ท สนามกอล์ฟ สปา ร้านอาหาร สถานบันเทิง บริการนำเที่ยว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือน เกาะสมุย แล้ว ต้องหวนกลับมาอีกครั้ง

แนะวิธีเลี้ยงกระต่ายอย่างถูกต้อง

แนะวิธีเลี้ยงกระต่ายถูกวิธี เสริมมงคลรับปีเถาะ "ไม่ใช่แค่เลี้ยงง่าย แต่ต้องดูแลให้ดีที่สุด" (โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน)

            ปีนี้เป็น "ปีกระต่ายทอง" ปีมงคลที่คนจำนวนไม่น้อยนิยมมอบกระต่ายเป็นของฝากแก่กัน หลายคนเชื่อว่าจะเป็นสัตว์นำโชคและสามารถเสริมดวงเรื่องโชคลาภ ความรัก ความร่ำรวยได้ ทำให้แหล่งขายกระต่ายแทบทุกแห่งในปีนี้ยอดรายได้ทะยานลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ...

            สำหรับมือใหม่ที่อยากเลี้ยงกระต่าย อย่าคิดเพียงว่าเป็นแค่สัตว์เล็กที่เลี้ยงง่ายเท่านั้น ก่อนนำมาเลี้ยงควรพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างประกอบด้วย เพราะกระต่ายต้องการการดูแลอย่างถูกวิธี อีกทั้งเรื่องความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากทำให้เขาต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร หรือเบื่อแล้วปล่อยทิ้งขว้างไม่ไยดี คงไม่ใช่เป็นการเสริมดวงแต่จะสร้างบาปกรรมให้กับผู้เลี้ยงมากกว่า....

            วันนี้ สัตวแพทย์หญิง ลลนา เอกธรรมสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายวิชาการสัตว์เลี้ยงพิเศษ (Exotic Pet) โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูกระต่ายอย่างถูกวิธีมาฝากว่า "นอกจากสุนัขและแมวแล้ว กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คนสนใจ สังเกตได้ว่ากลุ่มของคนเลี้ยงกระต่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน และรู้สึกดีที่เห็นคนหันมาเลี้ยงกระต่ายมากขึ้น ความจริงแล้วธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้อายุไม่ยืนนัก อายุขัยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงยาก เลี้ยงได้เหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป เพียงแต่ต้องทราบว่าเขาต้องการอาหารและสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่เหมาะสม"

            "ธรรมชาติของกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แพร่พันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว ออกลูกครอกหนึ่งประมาณ 6-10 ตัว ถ้าไม่ต้องการเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ก็ควรทำหมันเสีย ไม่เช่นนั้นภายในหนึ่งปีจะมีจำนวนมากทีเดียว กระต่ายเป็นสัตว์สุภาพ ชอบอยู่เงียบ ๆ เป็นฝูง อาหารส่วนใหญ่จะเป็นหญ้าและอาหารเม็ด

การเลี้ยงควรให้หญ้าสดและหญ้าแห้งเป็นอาหารหลัก เสริมผักและผลไม้เล็กน้อย การให้หญ้ามีประโยชน์กับกระต่ายมาก เพราะส่งผลต่อสุขภาพและการขับถ่าย ช่วยในการลับฟันตลอดจนป้องกันปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับฟัน นอกจากนี้ในฤดูฝนและหนาวกระต่ายจะเป็นหวัดและปอดบวมง่าย มีปัญหาเรื่องผิวหนัง ความอับชื้นและเชื้อรา ส่วนฤดูร้อนจะมีปัญหาเรื่อง Heat Stroke หรือการช็อคจากความร้อน เป็นต้น ดังนั้นจึงควรเอาใจใส่และดูแลเขาเป็นพิเศษในฤดูกาลต่าง ๆ "
            สัตวแพทย์สาว ยังกล่าวต่อด้วยว่า  ผู้เลี้ยงทั่วไปมักคิดว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่ตายง่าย แค่ตกใจก็ตายแล้ว ความจริงก็ไม่ถึงขนาดนั้น แล้วแต่ตัวมากกว่า เคยมีกระต่ายหลายตัวที่มารับการรักษาทำแผลซึ่งเจ็บมาก แต่ก็ถึงกับไม่ช็อคตาย คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และลักษณะของภูมิอากาศ ณ จุด ๆ นั้นด้วย เพราะส่วนใหญ่กระต่ายจะช็อคได้ถ้าร้อนมาก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาการช็อคหรือตกใจง่ายจนตายจะเป็นกับกระต่ายทุกตัวเสมอไป

            "อีกอย่างการหิ้วหูกระต่ายเป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะบริเวณหูมีเส้นเลือดเยอะมาก หากไปหิ้วหูจะทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นฉีกขาด หูจะช้ำ การจับที่ถูกต้องคือให้จับบริเวณหนังด้านท้ายทอยและช้อนก้นเพื่อช่วยรองรับน้ำหนัก ส่วนสถานที่เลี้ยงต้องไม่ร้อนจัด ไม่ชื้นแฉะ ลมไม่พัดแรง มีอากาศถ่ายเทสะดวก กรงต้องสะอาดและการให้อาหาร การเปลี่ยนน้ำต้องสะอาดเสมอ สิ่งสำคัญควรปล่อยให้กระต่ายได้วิ่งเล่นออกกำลังกายบ้าง จะทำให้เขามีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสและไม่เหงาเกินไป"

            นอกจากนี้ การเลี้ยงกระต่ายควรต้องระวังโรคด้วย เพราะจะมีโรคทั้งที่คนติดจากสัตว์และโรคที่สัตว์เป็นแล้วไม่ติดคน  สำหรับโรคที่พบในกระต่ายส่วนใหญ่ จะมีโรคท้องเสียจากเชื้อบิด ซึ่งจะทำให้หูแดงคัน หรือบิดเบี้ยว โรคติดเชื้อราบริเวณฟันของกระต่าย ฯลฯ สำหรับคนก็สามารถเป็นภูมิแพ้ เช่นแพ้ขนกระต่าย เป็นต้น กรณีที่เลี้ยงกระต่ายร่วมกับสุนัขและแมวควรนำมาฉีดวีคซีนป้องกันพิษสุนขบ้าด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนสามารถทำได้เมื่อกระต่ายอายุ 4 เดือนขึ้นไป หากในบ้านมีเด็กและใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ

สิ่งที่ควรทำในการเลี้ยงกระต่าย

            1.ดูแลและสังเกตเป็นประจำ ถ้าเกิดความผิดปกติเพียงเล็กน้อยต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์

            2.ให้สัมผัสอย่างเบามือ

            3.ทำความความสะอาดบริเวณกรงอย่างสม่ำเสมอ

            4.ควรให้อาหารที่เหมาะสม

            5.ควรให้ถ่ายพยาธิหรือตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง

สิ่งที่ไม่ควรทำในการเลี้ยงกระต่าย

            1.อย่าหิ้วหูกระต่ายเด็ดขาด

            2.อย่าให้อาหารประเภทขนมที่เป็นแป้ง คาร์โบไฮเดรต เพราะจะเกิดผลเสียกับเขา 

            3.อย่าเลี้ยงกระต่ายเป็นแฟชั่น ให้เลี้ยงเพราะว่าอยากจะเลี้ยง

            4.อย่าอาบน้ำให้กระต่ายบ่อยเกินไป ประมาณ  3-4 เดือน/ครั้งก็พอ

            5.หากที่บ้านมีแมว ไม่ควรเอาห้องน้ำแมวที่มีสารดับกลิ่นมาใช้กับกระต่าย ควรใช้ขี้เลื่อยหรือหนังสือพิมพ์แทน

เครื่องมือสำหรับรัก คือการทำความเข้าใจ

 คนสองคน...ต่างที่มา ต่างพื้นฐานทางครอบครัว ต่างความคิด ต่างนิสัย ต่างทัศนคติ ต่างความชอบ ฯลฯ แต่สามารถ "จูน" กันได้และ "เข้ากันดี" หากมีคำว่า "ความเข้าใจ"เป็นสายใยถักทอให้ "ความรัก" สมหวังและมีความสุข

         แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิด "การไม่เข้าใจ" ความต่างทั้งหลาย จะค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาพังทลายกลายเป็นเส้นใยบาง ๆ กั้นกลางระหว่างสองเรา ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับ "ความรัก" ของคุณทั้งคู่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการพยายามมองด้วยความเข้าใจ ถึงแม้ว่า "การทำความเข้าใจ" ในความรักเป็นเรื่องยาก (มาก) ก็ตาม

         เครื่องมือที่สำคัญสำหรับ "ความรัก" คือ "การทำความเข้าใจ" ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเข้าใจกัน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคความต่างมากน้อยแค่ไหน คุณทั้งคู่ก็สามารถผ่านมันมาได้ เชื่อเถอะว่า...

         รัก...คือการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
         รัก...คือการปรับตัวเข้าหากันและกัน
         รัก...คือการเสียสละให้กันและกัน
         รัก...คือการยอมรับซึ่งกันและกัน
         รัก...คือความรู้สึกดี ๆ ที่คนสองคนมีให้กันและกัน
         รัก...คือความเข้าใจที่มอบให้กันและกัน
         รัก...คือการให้อภัยแก่กันและกัน
                         
         ที่สำคัญ "ความรัก" ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่าย ๆ มันถึงมีค่าและงดงามอยู่ในตัวเองเสมอ แต่ความรักจะดำรงอยู่ได้...ขอเพียงแค่ "เข้าใจกัน" ในกันและกันเท่านั้นก็พอ

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ทำไมเกาลัดต้องคั่วในเม็ดทราย

  เกาลัดคั่วที่เห็นมากแถวเยาวราช มักจะมีเม็ดสีดำเล็กๆ คั่วรวมอยู่ด้วย หลายคนคิดว่าเป็นเมล็ด กาแฟ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เจ้าเม็ดสีดำเล็กนั้นคือเม็ดทรายขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เป็นทราย ที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือที่เห็นตามตู้ปลาสีออกน้ำตาล พ่อค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระบะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ที่จนเป็นสีดำ ก็จะนำเอา ลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้รสหวาน บางเจ้าเพิ่มกลิ่นหอมด้วย การใส่เมล็ดกาแฟคั่วรวมไป
  เหตุผลที่ต้องใช้เม็ดทราย
ก็เพราะเม็ดทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้ ซึ่งดีนักสำหรับการทำให้ เกาลัดสุกถึงเนื้อผลด้านใน เพราะหากสังเกตกันดีๆ เนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก ดัง นั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลา จะช่วยให้เนื้อเกาลัดค่อยๆ สุก แต่ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้ เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนานราว 30-40 นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า 1 เดือน เรียกว่าคั่ว เกาลัดได้หลายกระทะ จนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผงนั่นแหล่ะจึงจะเปลี่ยนไปใช้เม็ดทรายชุด ใหม่

ต้มผักให้สีเขียวสวยด้วยวิธีไหน

คนไทยนิยมกินน้ำพริกต่างๆคู่กับผัก และน้ำพริกนี้ถือได้ว่าเป็นสำรับเอก ที่ใช้ในการรับแขก ซึ่งหากผักที่ใช้กินคู่กับน้ำพริกนั้นมีสีสันไม่น่ากิน ก็จะทำให้ เจ้าบ้านเกิดความอับอายได้
วิธีที่จะทำให้ผักมีสีสวยงาม คือ ใส่เกลือป่นลงใน น้ำสำหรับต้มผักสีเขียว และเหยาะน้ำมันพืชเล็กน้อยจะทำให้ผักมีผิวมันน่ากิน ยิ่งขึ้น
ส่วนผักสีขาว เช่นกะหล่ำปลี และหัวไชเท้า ให้ใส่น้ำส้มสายชลงในน้ำที่ ต้ม ผักจะมีสีขาวสวย

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

ไม่ใช่แค่อาหารทำ“คอเลสเตอรอล พุ่ง!!


คอเลสเตอรอลสูง” มีสาเหตุร่วมกันของหลายปัจจัย พบมากที่สุดจากเรื่อง “อาหาร” โดยการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป อาทิ อาหารเช้าสไตล์ฝรั่ง ทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว นม ไข่ เนย ชีส คุกกี้ แครกเกอร์ และมันฝรั่งทอด เป็นต้น

 “น้ำหนักตัว”ที่มากเกินไป ส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) ให้เพิ่มขึ้น และระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ลดลง ทั้งนี้ ผลวิจัยจากต่างประเทศพบว่า น้ำหนักตัวที่ลดลง 10%จะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้

กิจกรรมระหว่างวัน”การขาดการออกกำลังกายจะเพิ่ม LDL และลด HDL เช่นกัน ดังนั้น ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30นาที โดยอาจใช้การเดินเป็นประจำก็ได้

อายุ และเพศ”เมื่อย่างเข้าสู่วัย 20ระดับคอเลสเตอรอลตามธรรมชาติจะเริ่มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ชายอายุ 45ปีขึ้นไป และหญิงอายุ 55ปีขึ้นไป ก็มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของคอเลสเตอรอล

โรคประจำตัว”คอเลสเตอรอลสูงอาจเกิดจากโรคต่างๆ เช่น โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน และ ไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) หรือ ภาวะที่ฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายต่ำ รวมถึงโรคที่สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ อย่าง ภาวะคอเลสเตอรอลสูงในครอบครัว (Familial Hypercholesterolemia) ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง

สูบบุหรี่”จะส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ลดลง ทำให้เส้นเลือดแดงแข็ง และมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

ดังนั้น นอกจากอาหารที่ต้องควบคุมแล้ว ยังต้องเลี่ยงปัจจัยดังกล่าวข้างต้นร่วมด้วย เพื่อลดอัตราเสี่ยงต่อการมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และการเกิดปัญหาสุขภาพได้

ผลกระทบแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่น 8 เม.ย. - แผ่นดินไหว 7.4 ริกเตอร์ ซึ่งต่อมาสำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐลดระดับเป็น 7.1 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างทางตอนเหนือของญี่ปุ่น
ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวตามมาหรืออาฟเตอร์ช็อก วัดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 7.1 ริกเตอร์ ที่จังหวัดมิยางิ

ความรุนแรงของอาฟเตอร์ช็อกครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าขัดข้องเป็นบริเวณกว้างทางตอนเหนือของญี่ปุ่น แรงสั่นสะเทือนยังรู้สึกได้ไกลถึงกรุงโตเกียว ที่เมืองเซนได ผู้คนบนตึกระฟ้าหลายแห่งต่างตื่นตระหนกเมื่อภายในห้องทำงานเกิดสั่นไหวอย่างรุนแรง หลังเกิดอาฟเตอร์ช็อก ทางการญี่ปุ่นได้ประกาศเตือนสึนามิ แต่ได้ยกเลิกในเวลาต่อมา

ส่วนที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าอาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ด้วยหรือไม่

อาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่กลืนชีวิตผู้คนไปร่วม 25,000 คน และจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากอาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้แล้ว 2 คน บาดเจ็บอีกร่วม 100 คน.-สำนักข่าวไทย

13 วิธีดูแลสุขภาพรับมือกับหน้าร้อน


1. ไม่ควรกินน้ำแข็งหรือดื่มน้ำเย็นจัด ฤดูร้อน อากาศร้อน ต้องหาทางช่วยดับความร้อน เพื่อป้องกันความร้อนกระทบร่างกายมากเกินไป เป็นหลักการที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยให้คุณเจ็บป่วยน้อยลง

2. ควรดื่มน้ำเยอะๆ เพราะหน้าร้อนจะสูญเสียเหงื่อมาก และควรดื่มน้ำเปล่าที่สุกแล้ว หรือจะเสริมปรุงแต่งด้วยน้ำตาล เกลือแร่ หรือสมุนไพรอื่น ๆ ก็สามารถรับประทานได้

3.ไม่ควรนอนให้ลมหรือความเย็นโกรก ความร้อนจากแดดทำให้เสียเหงื่อ เสียพลัง เมื่อนอนหลับตาก ลมในขณะเหงื่อออก จะทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำลง ถ้าอุณหภูมิภายนอกยังสูงอยู่ แล้วเหงื่อไม่สามารถระบายออกมาได้ จะมีความร้อนสะสมอยู่ข้างใน ทำให้เวียนหัว รู้สึกหนักหัว ไม่สดชื่นแจ่มใส หรืออาจทำให้เป็นไข้หวัดได้

4. การนอนพักผ่อน ควรนอนหลับให้เพียงพอ

5. ควรเลือกทานอาหารอ่อนๆ ตอนเช้า เช่น ข้าวต้ม เพราะในช่วงเช้ายังไม่ควรทานอาหารที่หนัก ๆ แค่ทานผักผลไม้เยอะ ๆ และหลีกเลี่ยงอาหารทอดๆ มัน ๆ แห้ง ๆ

6. ควรดูแลสุขภาพของเด็กๆ โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และการดำเนินชีวิต

7. สำหรับหญิงตั้งครรภ์ สิ่งที่ควรปฏิบัติในหน้าร้อน คือ ต้องสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด เพื่อป้องกันการกระทบกับความเย็น อาหารที่กินต้องสะอาด ไม่ควรนอนบนสื่อที่เย็น และห่มผ้าคลุมกายเสมอ ระวังอย่าให้เป็นไข้หวัด ห้ามอาบน้ำร้อนจัด หรือเย็นจัด

8. บุคคล 3 ประเภทที่ต้องระวังให้มาก คือ คนสูงอายุ ผู้ที่มีระบบย่อยอาหารที่ไม่ดี คนที่มีม้ามพร่อง ผู้ที่มีลักษณะสามอย่างที่กล่าวมานั้น เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดด หรือถ้าดื่มน้ำเย็นมากเกินไป และเกิดความชื้นสะสมในร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการ ท้องเสีย ติดเชื้อราง่าย ขี้หนาว ปวดหัว ตัวร้อน เป็นต้น
9. อย่าทา ครีมกันแดด อย่างเร่งรีบ แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้ทาให้ทั่วถึงแม้แต่ ในร่มผ้า ด้วย โดยทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และหลัง ว่ายน้ำ แม้ผลิตภัณฑ์จะเป็นสูตรกันน้ำ ก็ตาม โดยควรเลือกที่มีส่วนผสมของ Mexoryl และ Tinosorb เพราะสามารถกรอง รังสียูวีเอและยูวีบี ได้ดี เช่น Vichy, Nivea และ Ambre Solaire จาก Garnier
10. อากาศร้อนจัดมีผลต่อ อารมณ์ หงุดหงิด และ หดหู่ (SAD - Seasonal Affective Disorder) จากสถิติ ผู้หญิงจะเป็นมากกว่า ผู้ชาย ดังนั้นลองออกไป เดินเล่น ช่วงบ่ายแก่ ๆ หรือช่วงที่คนไม่มาก สิ่งสำคัญคือ พยายาม กระฉับกระเฉง เข้าไว้
11. หากผิวแสบร้อนจาก การโดนแดด แพทย์ผิวหนัง แนะนำให้กิน ยาแอสไพริน เพื่อลด อาการเจ็บปวด แล้วลองแช่ตัว ใน อ่างน้ำ อุณหภูมิร่างกาย โดยใส่ ออยล์ สำหรับ แช่อาบ จากนั้น บำรุงผิว ด้วย โลชัน ที่มีส่วนผสมของ ว่านหางจระเข้ หรือ อาฟเตอร์ซันเจล และหลีกเลี่ยงแดด ในวันถัดไป
12. ลองทำ สเปรย์บรรเทาผิวไหม้เกรียม อย่างง่าย ๆ คือ น้ำกรองบริสุทธิ์ 2 ออนซ์ ใส่ เอสเซ็นเชียลออยล์ กลิ่นลาเวนเดอร์ 9 หยด กลิ่นเปปเปอร์มิ้นต์ 2 หยด และ สเปียร์มิ้นต์ 1 หยด ผสมรวมกันแล้วใส่ใน กระบอกฉีด สำหรับพกติดตัว
13. หากต้องออกไปเผชิญ อากาศร้อน ภายนอก ควรใช้ เครื่องสำอาง เนื้อครีม ที่ปัจจุบันมี เนื้อแห้งเหมือนแป้ง หากหน้ามัน ปัดทับด้วย บรอนเซอร์ หรือ แป้งชนิดฝุ่น

แล้วฤดูร้อนจะเป็นฤดูกาลที่มีความสุข.. ถ้าคุณดูแลสุขภาพ

ผู้หญิงต้องการอะไรจากผู้ชาย

ผู้หญิงต้องการอะไรจากผู้ชาย
แม้ว่าเพศหญิงจะเป็นเพศที่เข้าใจได้ยากสักหน่อย
แต่ในเมื่อคุณรักผู้หญิงเข้าสักคนคุณก็ควรจะรู้ว่าเธอน่ะต้องการอะไรจากการที่ได้คบกันคุณ
หรือในความสัมพันธ์ที่คุณทั้งสองมีให้แก่กัน

ยุ่งจริงผู้หญิงนี่ ผู้ชายอาจคิดอย่างงั้นซึ่งความเป็นจริงก็เป็นอย่างนั้น (ผู้หญิงเขาก็ยอมรับนะ)
เพราะสิ่งที่ผู้ชายชอบ ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ผู้หญิงต้องชอบด้วยเสมอไป ผู้ชายเห็นสาวสวย
อาจไม่ต้องใช้เวลานานนักในการทำความรู้จัก แค่ 15 นาทีก็พอแล้ว ที่จะยอมให้เธอจูงมือไปไหนต่อไหน

แต่สำหรับหญิงสาว มันต้องใช้เวลามากกว่านั้น
ผู้หญิงต้องการเวลา เพื่อดูนิสัยใจคอฝ่ายชายว่าเป็นอย่างไร ความจริงใจ มั่นคง รสนิยมเข้ากันได้หรือไม่????
อีกทั้งผู้หญิงแต่ละคน ยังมีลีลาชอบผู้ชายในลักษณะที่ต่างกัน บางคนชอบผู้ชายหล่อ ขี้เล่น
บางคนชอบผู้ชายรวย บางคนก็ขอเหมาทั้งสองแบบเลย (อาจจะหายากหน่อย)
ถึงอย่างไร โดยลักษณะพื้นฐาน ผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีความชอบที่ใกล้เคียงกัน
อาจจะสรุปได้ดังนี้ล่ะค่ะ

1. เป็นคน sensitive
ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายอ่อนไหว แต่ไม่อ่อนแอหรือขี้แย
คือความรู้สึกมองเห็นอะไรก็สวยงาม รักสายลม แสงแดด เสียงเพลง รักสัตว์ และไม่ดูถูกคนจน
คนเซ้นซิทีฟ คือคนที่มีการแสดงออกทางอารมณ์แบบง่าย มีความเป็นเด็กนิดๆ จริงใจแต่ต้องไม่เสแสร้ง
วิธีฝึกให้เป็นคนเซ้นซิทิฟง่ายที่สุดคือ ดูหนัง
โดยเฉพาะหนังรักๆ โรแมนติกคอมเมดี้ จะเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงได้ดี

2. ความร่ำรวย
หมดยุคกัดก้อนเกลือกินแล้วล่ะ ความร่ำรวยเป็นส่วนหนึ่งที่สาวๆฝันอยากให้ผู้ชายมี
ไม่ต้องเยอะมากแต่พอประมาณ ใช้ชีวิตไปอย่างสบายๆ มีบ้าน มีรถใช้ มีหน้าที่การงานดี มั่นคง
วิธีแสวงหาความร่ำรวย คงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องไขว่คว้าสร้างขึ้นเอง
ความพยายามที่จะสร้างฐานะของคุณก็ทำให้ผู้หญิงใจอ่อนได้เหมือนกันนะคะ

3. มั่นใจในตัวเอง
ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายโลเล ไม่แน่นอน วิธีฝึกให้เป็นคนมั่นใจในตัวเอง มีมากมายหลายอย่าง
แต่สิ่งที่ง่ายที่สุดคือ มองกระจก พูดกับตัวเองว่า "คุณคือราชา" แต่งตัวให้เรียบร้อย
แม้จะปอนแต่ก็ควรสะอาด คิดอ่านทำการอะไร ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
แล้วทำหรือพูดอย่างมั่นใจและทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดเสมอ
นอกจากนี้ควรหมั่นฟิตออกกำลังกาย ไม่ไว้พุง
หรือสร้างบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเองได้

4. มีอารมณ์ขัน
อารมณ์ขันสร้างได้ง่าย คืออย่าซีเรียสไปกับทุกสิ่งรอบตัว รู้จักปล่อยวางและมองดูทุกสิ่งอย่างรู้เท่าทัน
อย่ายึดติดแต่ตัวกูของกู คนเราเกิดมาอยู่กันได้ไม่เกินร้อย
อย่าคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีตัวเรา
หัดดูหนังตลก อ่านเรื่องโจ๊ก แล้วเล่าให้คนอื่นฟัง แบ่งปันเสียงหัวเราะ
ไม่เพียงทำให้โลกสดใส แต่ยังช่วยให้ไม่แก่เร็วและอายุยืนอีกด้วย

5. มีความเฉลียวฉลาด
คงไม่มีสาวคนใดอยากมีแฟนเป็นคนโง่ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องฉลาด ถ้าจะไปอวดฉลาด
แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้จริง สู้อยู่เฉยๆรอให้มีข้อมูลในเรื่องนั้นมากพอ
จึงค่อยแสดงความคิดเห็น วิธีฝึกฝนสร้างความฉลาด ทำได้โดยอ่านหนังสือเยอะๆ
ออกกำลังกายบ่อยๆเพราะออกซิเจนจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมอง
กินอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง เช่น เม็ดแป๊ะก้วย หรืออาหารที่สูงด้วยวิตามินเอ และธาตุเหล็ก
ข้อสำคัญควรรู้จักใช้สมองคิดอ่าน มองเรื่องราวให้เป็นระบบ ไม่สับสน
สิ่งนี้จะช่วยไม่ให้กลายเป็นคนฟุ้งซ่านขึ้นสมอง

6. มีประสบการณ์
คงมีผู้หญิงน้อยคนที่อยากได้ผู้ชายอ่อนหัด แม้จะเป็นความภาคภูมิใจลึกๆแต่ก็ไม่สนุก
ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายของตัวเองมีประสบกามบ้าง แต่ไม่ต้องเจนจัดถนัดศึก
เพียงแต่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรเท่านั้น (อ่านผู้หญิงนะคะดอทคอมนี่ล่ะค่ะ อิอิ)
สำหรับผู้ชาย ควรมีประสบการณ์ทางเซ็กซ์บ้าง มากหรือน้อยก็แล้วแต่
ข้อสำคัญควรจดจำให้ได้ว่าผู้หญิงชอบหรือไม่ชอบอะไร เวลาที่เธอถามว่าทำไมเก่งอย่างนี้
ก็ให้ตอบว่า มันเป็นมาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะตัวเอง!!

7. ความซื่อสัตย์
เป็นคุณสมบัติสำคัญ ที่ผู้หญิงทุกคนอยากให้ผู้ชายทุกคนมีมากที่สุด ซื่อสัตย์ต่อเธอคนเดียว
ผู้หญิงส่วนใหญ่ทนไม่ได้ถ้ารู้ว่า ผู้ชายของเธอมีกุ๊กกิ๊กกับหญิงอ ื่น
นับวันความซื่อสัตย์ของผู้ชายสมัยนี้หาได้ยากพอๆกับเยื่อพรมจรรย์ของสาวสมัยใหม่
ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องของมโนธรรมในจิตใจแต่ละคน ที่ต้องได้รับการขัดเกลาตั้งแต่เด็ก
มาฝึกกันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้วลำบาก

รู้อย่างนี้แล้ว ควรหันไปมองดูว่าคุณมีสิ่งใดบกพร่องอยู่หรือไม่
หากคิดว่าคุณไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร แสดงว่าคุณก็ยังไม่พร้อมที่จะมีคนรัก
เพราะคนรักกันก็ควรพร้อมที่จะปรับตัวเองเข้าหากันและกัน
ขอให้คุณมีรักเดียวใจเดียวนะคะ และคุณเองก็จะมีความสุข

น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ


น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ

 น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ คือ น้ำเอนไซม์ที่ได้จากผลไม้นานาชนิดที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่น แข้งแรง ฟื้นฟูเซลล์และอวัยวะต่าง ๆ อุดมไปด้วยมีแร่ธาตุ และวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายตามแต่ผลไม้แต่ละชนิด

น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ของบ้านรักษ์สุขภาพ เป็นน้ำหมักเอนไซม์จากผลไม้กว่า 20 ชนิด หมักนานกว่า 6 ปี เป็นอย่างต่ำ โดยใช้สูตรและวิธีการหมักตามธรรมชาติของ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ แห่งชมรมบ้านสุขภาพ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิภูมิปัญญาสากล จ.ระยอง เป็นน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพที่ใช้เวลาในการหมักบ่มเพื่อสกัดเอาเอนไซม์และสารอาหาร แร่ธาตุ วิตามิน ออกมาจากผลไม้ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยกลไกการย่อยสลายของจุลินทรีย์และเอนไซม์ตามธรรมชาติ นับว่าเป็นกระบวนเปลี่ยนแปลงของสารอาหารเองตามธรรมชาติ ทำให้ได้น้ำผลไม้หมักที่มีคุณประโยชน์ที่ดี สูงสุดกับร่างกาย และปลอดภัยต่อการบริโภค และเป็นของขวัญจากธรรมชาติให้กับเซลล์ของเรา
การทำน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ด้วยสูตรของดร.รสสุคนธ์ เป็นการทำน้ำหมักผลไม้กับน้ำผึ้งและน้ำสะอาดในภาชนะปิด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย และให้เวลากับการทำงานของจุลินทรีย์และเอนไซม์ในถังหมักได้ทำงานตามกระบวนการธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยเราไม่จำเป็นต้องไปเปิดฝา ค้น หรือ กวนถังหมัก ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ของดีมีประโยชน์ให้แก่เรา สูตรในการหมักของดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงค์ คือ
  • ผลไม้ 3 ส่วน
  • น้ำผึ้งดอกไม้ป่าความชื้นต่ำ 20% 1 ส่วน
น้ำสะอาดที่ผ่านการต้มแล้วทิ้งให้เย็น หรือน้ำดื่ม  10 ส่วน วิธีการทำน้ำผลไม้หมักหรือน้ำเอนไซม์บำบัด อ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิธีการทำน้ำหมักเอนไซม์เพื่อบริโภค หรือในหนังสือ จุดประกายฝัน หรือ หนังสือ เอนไซม์เพื่อการพอเพียง



ถามตอบเรื่องน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ

  • น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ของบ้านรักษ์สุขภาพ คืออะไร?
    ตอบ น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของบ้านรักษ์สุขภาพ คือ น้ำเอนไซม์ที่ได้จากการหมักผลไม้นานาชนิดนานกว่า 6 ปีเป็นต้นไป ใช้ดื่มเพื่อเสริมสร้่างสุขภาพ ฟื้นฟู ปรับสมดุลร่างกาย มิใช่ยารักษาโรค เนื่องจากน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ บ้านรักษ์สุขภาพ อุดมไปด้วยเอนไซม์ แร่ธาตุ และวิตามิน จึงมีส่วนในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลของระบบการย่อยอาหาร และการขับถ่าย ช่วยให้อาหารแก่เซลล์ จึงฟื้นฟูเซลล์ และอวัยวะ อีกทั้งมีเอนไซม์ และสารอาหารที่สามารถให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว จึงถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องย่อย ทำให้เอนไซม์ไปช่วยในการย่อยของเสีย หรือขับของเสียออกจากเลือด ทำให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรงขึ้น
  • น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ของบ้านรักษ์สุขภาพ มี อ.ย. หรือไม่?
    ตอบ น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ของบ้านรักษ์สุขภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่โบราณ ซึ่งในอดีตมีการผลิตและใช้กันอยู่ในกลุ่มชาวบ้านหรือชุมชน ที่เราเรียกว่า เป็นน้ำหมักชีวภาพ แต่เมื่อมีการนำมาเผยแพร่เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จึงได้มีการสร้างมาตรฐาน น้ำหมักพืช หรือน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพขึ้นมาในปี 2547 เรียก มาตรฐานนี้ว่า มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ชื่อ น้ำหมักพืช รหัสคือ มผช. 481/2547  ซึ่งเกิดจากการผลักดันของนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมกับ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ และกลุ่มเจ้าหน้าที่ สสว. ทำให้มีการรองรับมาตรฐานการผลิตภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาไทยเราขึ้นมา (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง มผช 481/2547) ส่วนในเรื่อง อย. หรือมาตรฐานอุตสาหกรรมและยา ทางนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยก็ยังคงทำการศึกษาและผลักดันกันต่อไปในอนาคต 
  • น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ประโยชน์อย่างไร?
    ตอบ  น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัด มีประโยชน์โดยสรุปดังนี้ 1. ปรับความเป็นกรดเป็นด่างในร่างกาย
    2. ทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น
    3. ทำให้แต่ละเซลในร่างกายได้สารอาหารอย่างสมดุล
    4. สลายสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ( ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ )
    5. อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ คือ วิตามินบีรวม, บี 1, บี 2, บี12

    อ่านเพิ่มเติมเรื่องประโยชน์ของน้ำพลังเอนไซม์บำบัดได้ที่บทความ ประโยชน์ของน้ำเอนไซม์บำบัด
  • น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ ของบ้านรักษ์สุขภาพ เหมาะกับผู้ป่วยโรคอะไรบ้าง?
    ตอบ น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของบ้านรักษ์สุขภาพ เหมาะกับทุกคน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยทุกโรค เพียงแต่ต้องเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และสูตรที่ร่างกายต้องการ หรือร่างกายมีการตอบสนองในการฟื้นฟูสุขภาพนั้นเองสำหรับน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัด ของบ้านรักษ์สุขภาพ มีทั้งหมด 3 สูตร คือน้ำผลไม้รวม3สูตร

    สูตร 2 น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ สูตรเอ็นสองพัน (N-2000)
    ขนาด 650 มล.
    หรือน้ำพลังเอนไซม์บำบัดสูตรดั้งเดิมของดร.รสสุคนธุ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ บ้านสุขภาพ จ.ระยอง เป็นน้ำผลไม้ที่มีการหมักนานกว่า 10 ปี ขวดแก้วสีน้ำตาล โลโก้รูปเด็ก เป็นสูตรรวมผัก ผลไม้ และสมุนไพร มีคุณค่าทางโภชนาการบำบัด เป็นสารอาหารที่ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ อวัยวะ และร่างกายได้อย่างดี เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่มีภาวะอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ทานอาหารไม่ได้ หรือกลุ่มที่ผ่านการทานยามามาก หรือได้รับการฉายแสง เคมีบำบัด จะช่วยในการขับล้างของเสียออกจากเซลล์ และซ่อมแซมเซลล์

    สูตร 1 น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ สูตรผลไม้รวม ขนาด 750 มล. (Multi Fruit Enzyme 750 ml)
    เป็นน้ำผลไม้รวมที่มีผลไม้มากกว่า 20 ชนิด หมักนานกว่า 6 ปี ขวดแก้วสีเขียว เป็นสูตรที่ทานได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้มีปัญหาสุขภาพแบบเรื้อรัง ดื่มเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างปรับสมดุลของระบบภูมิคุุ้มกัน ปรบสมดุลของระบบทางเดินอาหาร และขับถ่าย เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่่มีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน มีความไวต่อสิ่งเร้า ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือที่เรียกว่า ภูมิแพ้ตนเอง เมื่อรับประทานเป็นประจำช่วยทำความสะอาดเลือด น้ำเหลือง และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สูตร 3 น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ สูตรเข้มข้น ขนาด 187 มล. (Premier Fruit Enzyme 187 ml) หรือจะเรียกว่าเอนไซม์หัวเชื้อก็ได้ เป็นสูตรที่เข้มข้นกว่าสูตร 1 และ สูตร 2  ถึง 5 เท่า หมักนานกว่า 10 ปี เป็นต้นไป ขวดสีเขียวขนาดเล็ก โลโก้เหมือนสูตร 2 เป็นสูตรที่รวมผลไม้นานาชนิด และมีลูกยอป่าเป็นส่วนผสมด้วย ด้วยความเข้มข้นและการหมักที่นานหลายปี ทำให้ได้สารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ช่วยในการผลักของเสียออกจากเซลล์ และกระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการขับล้างของเสียออกจากร่างกาย เรียกว่า เป็นสูตรสำหรับดีท็อกซ์ก็ได้ หรือจะทานแบบเจือจางเพื่อกระตุ้นการปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันก็ดี 
จะเห็นได้ว่า น้ำผลไม้เพื่อุสุขภาพ บ้านรักษ์สุขภาพ เป็นน้ำผลไม้หมักที่ช่วยเสริมสร้างและปรับสมดุลของร่างกายโดยรวม เป็นแนวโภชนาการหรือการใช้สารอาหารบำบัด ผสานกับแนวเอนไซม์บำบัด และธรรมชาติบำบัด ดังนั้น น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ จึงเป็นเครื่องดื่ม น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ มิใช่ยารักษาโรค จึงสามารถรับประทานได้ทุกวัน ไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างใด ๆ